คนกล้าคืนถิ่น

สุทิน ผ่องใส

  • คนกล้าเลย
  • เว็บไซต์ :
  • Facebook : หนุ่ม สุทิน อิสระชน คนรักษ์ป่า

หนุ่มแห่งบ้านช่องฝางต่อยอดวิถีชีวิตดั้งเดิมเกษตรอินทรีย์

พี่หนุ่ม หรือ พี่สุทิน ผ่องใส อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34 หมู่ 5 บ้านช่องฝาง ตำบลผานกเค้า อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย หลังจากปี พ.ศ. 2534 ที่เรียนจบ ม. 6 ในพื้นที่แล้ว ได้ออกจากบ้านไปหางานทำอยู่ที่โรงงานผลิตอะไหล่สร้างแบบ จังหวัดสมุทรปราการ ได้เงินเดือน 10,000 บาทเศษ ทำงานแค่อยู่ได้ไม่มีเงินเหลือเก็บ ทำอยู่ได้ 3 ปีก็ลาออก

จากนั้นได้หันเข้าสู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ บวชเป็นพระภิกษุ ออกธุดงค์ปลีกวิเวกไปอยู่ตามป่าเขาในหลายจังหวัดแถบภาคอีสาน และภาคเหนือ บวชอยู่ 4 ปี จึงสึกออกมา กลับไปอยู่ที่บ้านญาติที่จังหวัดชลบุรี ทำงานอิสระ รับทำงานตกแต่งภายใน แต่ก็มีรายได้เข้ามาพออยู่ได้เท่านั้น


ปลายปี พ.ศ. 2556 ได้หันหลังให้กับงานอิสระกลับมาบ้านเกิด จากการที่ได้ศึกษาจากสื่อต่าง ๆ ด้วยตนเอง ได้มาทำพัฒนาพื้นที่ที่ดินที่มีอยู่จำนวน 30 ไร่ มีบ่อน้ำ มีแหล่งน้ำที่เพียงพอ พื้นที่แต่เดิมตรงนี้ก่อนการพัฒนาจะเต็มไปด้วยสารเคมี เพราะมีการใช้ยาฆ่าหญ้ากันจำนวนมาก จึงทำให้สภาพดินเสื่อมโทรม ปลูกพืชอะไรก็ไม่ได้ผลเต็มเม็ดเต็มหน่วย จึงลงมือทำเกษตรอินทรีย์ เน้นปลูกป่า พืชผักพื้นบ้านต่าง ๆ ที่จะไม่มีเหลืออยู่ในพื้นที่แล้ว เน้นการอนุรักษ์ ทำอยู่ประมาณ 1 ปีเศษ สภาพพื้นที่สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ก็ฟื้นกลับคืนมา มีกบ เขียด จิ้งหรีด ปลาธรรมชาติ เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
ต่อมาได้รับแนะนำจากพี่สาวคนหนึ่ง ได้แนะนำให้เข้าร่วมโครงการคนกล้าคืนถิ่น ที่ได้เห็นผ่านทางเฟซบุ๊คแฟนเพจ คนกล้าคืนถิ่น จึงได้สมัครเข้าร่วมอบรม 5 วัน 4 คืน เป็นรุ่น 1/2558 จากการที่ในสมัยวัยเด็กได้อยู่กับป่า อยู่กับไร่นาสวนมาตลอด จึงมีพื้นฐานตรงนี้อยู่แล้ว การที่ได้เข้าร่วมโครงการคนกล้าคืนถิ่นแล้ว จึงได้เข้ามาพัฒนาต่อยอดขึ้นไปอีก เพราะพื้นที่ที่ดินตรงนี้ได้มีการทำอยู่แล้ว

ในช่วงแรก ๆ ชาวบ้านในพื้นที่ไม่เห็นด้วย สู้การใช้สารเคมีไม่ได้ เพราะได้ผลเร็วกว่า แต่สภาพดินเสื่อมโทรม ผลผลิตต่าง ๆ ลดลงไปตามลำดับอย่างเห็นได้ชัดเจน ซึ่งได้แนะนำชาวบ้านให้เปลี่ยนมาใช้วิธีการตัดหญ้าแทนการใช้สารเคมี โดยการทำปุ๋ยหมักจากธรรมชาติที่มีอยู่บริเวณรอบตัว เศษไม้ใบหญ้าต่าง ๆ เพราะจากการที่ได้ลงมือปฏิบัติในบริเวณที่ดินของตนเองแล้ว ธรรมชาติต่าง ๆ ได้กลับคืนมาให้เห็นทันตา สภาพดินดีขึ้น มีไส้เดือนเต็มไปหมด กบ เขียด แม้แต่เห็ดโคน หรือเห็ดปลวก ก็เกิดขึ้น เป็นต้น มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนกับพื้นที่ของเพื่อนบ้านที่มีการใช้สารเคมีกันอย่างฟุ่มเฟือย

สำหรับในบริเวณที่ดินนอกจากบ่อเลี้ยงปลา ตะเพียน ปลานิล และยังปลูกพืชป่า ที่กำลังจะสูญพันธุ์หายไป อาทิ หัวกอย ไผ่รวกป่า มะขามป้อม ต้นอีรอก หวาย ผักหนาม ผักกูด เป็นต้น โดยทำเป็นลักษณะสวนป่า โคกหนองนา ผลผลิตที่ออกมาก็เป็นลักษณะให้แบ่งปันกันไปกินและขายบ้างเป็นราคาที่ขายกันตามพื้นบ้าน ขอก็ให้ ขอแบ่งซื้อก็ขายในราคามิตรภาพในชุมชนท้องถิ่น พออยู่พอกิน จะไม่เอาเปรียบกัน

สำหรับชาวบ้านในพื้นที่พอเห็นตนเองทำแล้วได้เห็นผลธรรมชาติแบบดั่งเดิมในอดีตกลับคืนมา ได้พากันเข้ามาเยี่ยมชมศึกษาวิธีการทำ อยากได้ต้นไม้อะไรก็มาตอนกิ่งเอา ไม่ได้ซื้อขาย แล้วกลับนำไปใช้ในพื้นที่ที่ดินของตนเองแล้ว มีจำนวนหลายราย และเพิ่มมากขึ้น จึงนับว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก ชาวบ้านได้บอกต่อ ๆ กันไป จึงทำให้มีชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงสนใจเข้ามาศึกษาขอความรู้ด้วยเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ.