ปุ๋ม คนกล้ารุ่นที่ 3/2 นครศรีธรรมราช โหนด 23 บ้านบ่มเพาะพี่เล็ก นาโยง ตรัง
ก่อนมาเป็นคนกล้าคคืนถิ่น ก็ทำงานโรงงาน 2-3 โรงงาน เป็นพนักงาน QC, พนักงานควบคุมเครื่อง CNC, เจ้าหน้าที่สโตร์ ควบคุมสต็อคสินค้า วัสดุสิ้นเปลือง วัตถุดิบ และอะไหล่ซ่อมบำรุง สุดท้ายเป็นพนักงานธุรการทั่วไป บริษัทเครนแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี แล้วก็ลาออกถาวรใช้เวลา 10 กว่าปี ทำงานในตำแหน่งลูกจ้าง ตัดสินใจเป็นนายตัวเองด้วยการขายของตามตลาดนัดทั่วเมืองชลบุรี สังคมตลาดนัดไม่ได้แตกต่างจากสังคมลูกจ้างมากนัก ต่างกัน 2 ข้อในความคิดของเรา คือ
1. มีความเป็นอิสระ
2.ที่แข่งขันแย่งชิงกันเพื่อตัวเอง ไม่ใช่เพื่อเจ้านาย
อย่างอื่นเหมือนๆคล้ายๆกันในที่สุดก็เหนื่อยกาย เหนื่อยใจ เริ่มท้อ เบื่อหน่ายอีกครั้ง ระหว่างที่ท้อใจก็นึกถึงคำสอนในหลวง รัชกาลที่ 9 ตลอดเวลา เริ่มค้นหาความพอเพียง เริ่มคิดทำยังไง ถึงจะพอเพียง ทำยังไง ถึงจะมีความสุข
และแล้วก็ได้บังเอิญเจอโครงการคนกล้าคืนถิ่น แต่ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไรยังไง เริ่มค้นหาต่อในเฟสบุค ในกูเกิ้ล ยูทูป เว็บไซต์ ศึกษาและเดาไปเรื่อยๆเพราะไม่ค่อยรู้รายละเอียดมากจากที่ค้นหาเจอก็คงเหมือนการอบรมทั่วไป แต่มันดูแปลกๆมีอะไรที่มากกว่าการอบรมอื่นๆแน่นอน จากนั้นก็ตัดสินใจเลยกลับบ้านต่างจังหวัดไปเริ่มต้นใหม่ แรกๆกลับบ้าน(สามี) ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ก็ยังไม่รู้จะทำอะไรก็ขายของตลาดนัดแถวนั้น สามีก็ตัดยางแล้วก็คอดกันว่าเราจะทำเศรษฐกิจพอเพียงกันยังไง นึกถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็นึกขึ้นมาได้ว่าต้องปลูกหญ้าแฝก แต่ไม่รู้จะไปหาที่ไหนก็เริ่มค้นหาอีกในกูเกิ้ล ก็เจอว่ามีที่สำนักงานที่ดินจังหวัดก็ไปสิ ไปถึงไม่มีเจ้าหน้าที่เลยไม่รู้เขาไปไหนกันหมด ก็เดินดูเดินหาว่าคนอยู่ไหน ไปเจอคนนึงเหมือนเป็นคนงานปลูกต้นไม้เขาก็บอกเราว่าไม่มีหญ้าแฝกต้องลงชื่อจองคิวไว้ กลับบ้านมาด้วยความผิดหวังเล็กน้อยแต่ยังไม่สิ้นหวังทักแชททางเฟสบุคไปหา ผช.คนหนึ่งที่เข้าใจว่าต้องรู้เรื่องโครงการคนกล้าฯ ชื่อพี่กอล์ฟกับพี่นเรนท์ ถามเขาว่าจะหาหญ้าแฝกได้ที่ไหนและอบรมคนกล้าฯยังไง ไม่นานก็ได้คุยกันทางโทรศัพท์พี่แกก็อธิบายแนะนำดีทุกอย่างเลย ตอนนั้นรู้สึกดีใจและมีความหวังมาก พี่แกแนะนำให้เราไปบ้านปราชญ์ชาวบ้านที่ใกล้ที่ๆเราอยู่มากที่สุดนั่นคือ ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีเกษตรธรรมชาติบ้านลุงโน ชำนาญกิจ นั่นเอง ไปแล้วก็ประทับใจลุงมโนหลายๆอย่าง เกี่ยวกับวิธีคิดวิธีพูดและปฏิบัติของแก จากนั้นก็ไปที่นั่นบ่อยๆเพื่อขอคำชี้แนะด้านการทำเกษตรแล้วก็มีโอกาสได้อบรมเกษตรทฤษฎีใหม่ที่บ้านของลุงมโน
และแล้วช่วงเวลาของการอบรมคนกล้าคืนถิ่นก็มาถึงจำได้ว่ารีบกรอกสมัครเป็นคนแรกๆของรุ่นนั้นแล้วก็ตัดสินใจแน่วแน่ ตั้งใจมาก อยากรู้ว่าที่เราเคยเห็นเขาทำอะไรแปลกๆกันในวงกลม แล้วก็ได้รู้ทั้งหมดภายใน 5 วัน 4 คืนกับเพื่อนคนกล้ารุ่นเดียวกัน 30 กว่าคน ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่ามันคุ้มค่ากว่าการอบรมอื่นๆที่เราเคยได้ผ่านการอบรมมาในสมัยที่เราอยู่ในวังวนสังคมลูกจ้าง
อบรมเสร็จเริ่มบ้าปลูกโน่นนี่นั่นเยอะแยะไปหมด ตายเกลื่อนบ้างตายอนาถบ้าง รอดบ้าง เรียนผิดเรียนถูกไปเรื่อย เพราะที่เราไปอบรมมาเหมือนเขาจะบอกเราให้เรียนผิดเรียนถูกเอาเอง "ไม่มีผิด ไม่มีถูก" กับให้เพลี๊ยะของเพื่อน นั่นแหละครูที่ดีที่สุดคือลงมือทำเองได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง ทำเองผิดเองไม่ต้องโทษคนอื่นทำได้ก็ดีใจ แล้วก็ได้รู้ว่าชีวิตมันไม่ง่ายเจออุปสรรคก็ต้องแก้ไขหรือปล่อยวาง เราคืนคนที่มีสิทธิ์ตัดสืนใจช่วงแรกๆมันจะขรุขระหน่อยจริงๆก็ไม่หน่อยนะหนักเอาการอยู่ด้วยความที่ไม่ได้เตรียมพร้อมไม่มีพื้นฐานไม่มีความรู้และทุนเดิมด้านนิสัยหรือสันดานเราวู่วามใจเร็วด่วนได้ใช้อารมณ์เป็นหลัก มันก็เกิดปัญหาขึ้นมาเรื่อยกว่าจะผ่านจุดนั้นมาได้ โซซัดโซเซ....การมีชีวิตอยู่ การสร้างชีวิต บางครั้งดี บ้างครั้งก็ไม่ได้ดีปะปนกันไปให้เราได้เรียนรู้กันต่อไป

จนถึงจุดนี้ก็คิดว่ามันดีแล้ว ที่เราตัดสินใจในวันนั้นเราได้พบความสงบนิ่งในใจของเราเอง โดยที่เราเรียนรู้มันด้วยตัวเองและเข้าใจถ่องแท้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตพอเพียงอย่างไรให้ใจและกายเป็นสุขแต่ละคนมีความพอเพียงในแบบของตัวเอง แค่ทุกคนต้อง คิดและลงมือทำด้วยตัวเอง ขอบคุณโครงการคนกล้าคืนถิ่น ขอบคุณครอบครัวคนกล้าฯค่ะ @บ้านสวนพ่อตา
เริ่มจากสิ่งที่เรามี คืนถิ่น คืนฐาน สืบสานชุมชน
บทความจาก: เรื่องราวที่ดีจากคนกล้าคืนถิ่น…ถึงคนรุ่นใหม่ หนังสือบทเรียนพื้นที่ต้นแบบ การพัฒนาธุรกิจเกษตรของเกษตรกรรุ่นใหม่