การเริ่มต้นที่ไม่ได้เกิดจากการติดลบทางด้านอารมณ์และความรู้สึกที่ขัดแย้ง ในใจ กับการกลับมาบ้านเพื่อการขัดเกลา และปรับตัว เพื่อต้องยืนหยัดที่จะอยู่โดยลำพังให้ได้อย่างยั่งยืน การทำการเกษตรที่ต้องขัดเกลาตัวตน ให้เข้าใจธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งธรรมชาติของคน (ตัวเอง) ว่าต้องการอะไร ในชีวิต หลากหลายความรู้สึก อยากเอาชนะ อยากอยู่นิ่งๆ อยากยอมแพ้กับทุกสิ่ง (อยากเดินหน้า อยู่นิ่งๆ หรือถอยหลัง) นั้นคือความรู้สึกที่ไม่เข้าใจตัวเอง
ในวันที่เข้าอบรมกระบวนการ “คนกล้าคืนถิ่น” มันเริ่มกระบวนการเรียนรู้ตัวตน ทั้งตัวเราเองและผู้อื่น มันถูกเริ่มขัดเกลาตั้งแต่เริ่มต้นอย่างเงียบๆและไม่รู้ตัว แต่ความขัดแย้งภายในมันยังไม่ถูกล้างหรือลบออกไปจากกระบวนการแต่ 5 วัน 4 คืนหรอก หากแต่ว่าการได้รู้จักผู้คนมากมายจากกระบวนการต่างๆทำให้เราเห็นความความต่างและความเหมือนของคนมากขึ้น มันเริ่มก่อตัวในการเข้าใจผู้อื่นและเริ่มจะเข้าใจตัวเอง กระบวนการวางแผนชีวิตเริ่มขึ้นซึ่งเป็นเรื่องยากมากที่จะวาดจินตนาการลงในแผ่นกระดาษสักใบเพราะไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต เริ่มวาดด้วยสัญลักษณ์ที่คนอื่นยากจะเข้าใจแต่สำหรับตัวเองเริ่มเห็นจิตนาการลางๆ
หลังการอบรมกลับมาสู่วิถีที่ต้องเริ่มต้นอย่างทุลักทุเล ด้วยความไม่เห็นด้วยของครอบครัวและความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง แต่ก็ตั้งอย่างมุ่งมั่นปณิธานว่าไม่เอาเกษตรเคมีเชิงเดี่ยว ไม่เอาสารโดยเด็ดขาด จากสวนปาล์มร้ายๆในพื้นที่ 4 ไร่จะต้องหลากหลาย จะต้องอยู่ได้ จะต้องทำได้ด้วยตัวเอง และจะต้องทำแบบง่ายๆไร้ข้อจำกัดไม่มีแบบแผนที่ชัดเจน แต่ยืนหยัดบนความหลากหลายด้านระบบนิเวศน์ เริ่มต้นจากการทำความเข้าใจธรรมชาติเรียนรู้ที่จะเลียนแบบธรรมชาติ ไม่ฝืนแต่เติมแต่ง ค่อยๆเติมทุกอย่างลงไป แรกๆเติมไปก็ล้มหายตายจาก เนื่องจากสภาพดินที่เคยถูกกระทำจากสวนปาล์มเชิงเดี่ยวแต่ก็ค่อยขยับ 1- 3 ปี ไม่มีรายได้จากสวนเลย มีเพียงรายได้จากงานโปรเจคจากองค์กรระหว่างประเทศ (โครงการสนับสนุนชุมชนขนาดเล็ก : GEF SGP UNDP ) ที่ทำต่อเนื่องมาก่อนลาออกงาน (หน่วยอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำพะโต๊ะ) และรับงานจ้างทั่วๆไปเท่าที่ตัวเองพอจะทำได้ ก่อนออกจากบ้านก็ปลูกต้นไม้หรือขยายพันธุ์พืชชนิดต่างๆไว้ทุกครั้ง เพื่อให้เขาได้เติบโตในขณะที่เราต้องเดินทางไปทำสิ่งอื่นค่อยๆเติมลงไปในแปลงอย่างไม่มีรูปแบบ ไม่สวยงามและไม่มีระเบียบ
แต่ในระหว่างการเดินทางและการทำการเกษตรสิ่งที่ไม่ขาดหายกันไปเลยคือเพื่อนในกลุ่มคนกล้าฯยังมีความสัมพันธ์ที่ดีมีการสื่อสารอย่างต่อเนื่องนั่นคือพลังบวกที่ได้เห็นการก้าวเดินและการเกื้อหนุนให้ทุกคนมีพลังร่วมกันขยับขยายงานของตัวเองอย่างมุ่งมั่นและมีพลัง เมื่อเห็นบางคนที่เริ่มอ่อนล้ากับปัญหาของตัวเองที่แตกต่างกันไปก็มีกลุ่มหรือเพื่อนๆคนกล้าเข้าไปช่วยกระตุ้น ช่วยกันฉุดรั้งเสริมแรงกันเป็นภาพที่งดงามเป็นความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาดที่คนรู้จักแค่ไม่กี่วัน แต่เข้าใจกันและช่วยเหลือกันเปรียบเสมือนพี่น้องหรือเพื่อนฝูงที่พบกันมานาน

ในที่สุดโจทย์ที่ตั้งมาแต่ตอนต้นก็ได้พบคำตอบในยุคสถาการณ์โรคระบาด (Covid 19) รู้สึกถึงความสงบ ร่มเย็น ปลอดภัย เมื่อทั่วโลกประสบปัญหา เรากลับอยู่ได้ในพื้นที่ 4 ไร่ มีอาหาร มีรายได้จากในสวน แม้นไม่ได้รับการชดเชยจากรัฐแต่กลับเก็บเกี่ยวได้จากผลผลิตในสวนจากพันธุ์พืชที่เริ่มปลูกสะสมไว้ในแปลง กระแสการปลูกต้นไม้มาแรงพันธุ์ไม้แทบทุกชนิดในสวนกลับขายได้ด้วยการขายออนไลน์และหาความสุขสงบได้จากพื้นที่ของเรา รู้สึกถึงความมั่นคง สงบ ที่แท้จริง การถูกขัดเกลาจากบทเรียนที่ได้จากธรรมชาติอย่างแท้จริง ความสุขของมันอยู่ใกล้ๆตัวนี่เอง
วันลี ชื่นเกาะสมุย : คนกล้ารุ่น 1 ชุมพร
บทความจาก: เรื่องราวที่ดีจากคนกล้าคืนถิ่น…ถึงคนรุ่นใหม่ หนังสือบทเรียนพื้นที่ต้นแบบ การพัฒนาธุรกิจเกษตรของเกษตรกรรุ่นใหม่