คนกล้าคืนถิ่น

  • คนกล้ากำแพงเพชร
  • เว็บไซต์ : https://mobile.facebook.com/%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94
  • Facebook : https://www.facebook.com/สวนลุงแสบคลองลานโมเดล-101922781328745/

มงคล เพ็ชรเนียม

สวัสดีครับผมลุงแสบหรือนายมงคล เพ็ชรเนียม เป็นคนกล้าคืนถิ่นรุ่น2โหนด 4 กำแพงเพชร ผมดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ คนกล้าคืนถิ่น ทำให้ลูกจากเพื่อนที่มี อุดมคติอุดมการณ์เดียวกัน คอยให้กำลังใจขอให้สอน คอยเป็นที่ปรึกษา ในด้านการเกษตร

ประวัติของผมนั้น ต้องย้อนไปในสมัยที่ผมอายุ 7 ขวบผมนั้นชอบทำการเกษตรตั้งแต่ 7 ขวบเพราะมีเหตุการณ์สมัยก่อนในน้ำมีปลาในนามีข้าวจริงๆ ผมขับรถย่ำนาอยู่ แล้วเห็นปลาช่อนตัวขนาดใหญ่วิ่งออกมาเลยปล่อยรถหางไถแล้วไปจับปลา พอจับปลาได้ เงยหน้ามองรถไถปีนคันนาคว่ำ เห็นรถคว่ำดีใจหัวเราะใหญ่ แล้วก็บอกกับตัวเองว่านี่แหละชีวิต จึงตั้งปณิธานว่า ตัวเองจะต้องทำเกษตร อนาคตจะต้องเป็นเกษตรกรเป็นชนคนชนบท คุณครูตอนผมอยู่ป 2 เขาให้ยกมือว่าอนาคตโตขึ้นจะเป็นอะไร มีผมคนเดียวที่ยกมือขึ้นแล้วตอบครูอย่างดังว่าผมจะเป็นชาวนา เพื่อนๆก็หัวเราะ แต่ก็ไม่เป็นไรครับเพราะเป็นความตั้งใจอยู่แล้ว

หลังจากจบม 3 ก็ยัง มีความคิดเดิมๆอยู่ว่าจะต้องเป็นชาวนา แต่จะทำอย่างไรเมื่อตัวเองไม่มีที่ดินทำกิน จึงเข้าเมืองทำงานเพื่อเก็บเงินซื้อที่เป็นของตนเอง แล้วเริ่มศึกษาทฤษฎีของในหลวงรัชกาลที่ 9 ตั้งแต่อายุ 16 ปี สะสมประสบการณ์ไปเรื่อยๆที่ไหนจัดงานเกษตรก็จะแอบแฝงไปไม่หยุดหย่อน เพื่อนำมาปรับใช้และคิดกระบวนการของตัวเราเองคำของในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านบอกว่าจะทำอะไรจะต้องมีความรู้ ผมจึงเริ่มเรียนต่อกศนจนจบม 6 แล้วก็ลงสาขาเกษตรที่สุโขทัยธรรมาธิราชจนจบปริญญาตรีและเก็บเงินได้สักก้อนก็คือที่ตามความฝัน

แล้วในปี 2559 ก็มีโครงการดีๆของโครงการคนกล้าคืนถิ่น มีเพื่อนที่เป็นรุ่นพี่ปี 1 ไปเจอกันในงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติ แกก็แนะนำให้ไปสมัครรุ่น 2 ผมก็ไม่ลีลาไม่รีรอสมัครทันที และก็ได้มาอบรมที่บ้านผมเพราะบ้านลุงเหลิม พีลี อำเภอบึงสามัคคีจังหวัดกำแพงเพชร พอหลังจากอบรมเสร็จก็วางแผนที่จะออกจากงาน เพื่อมาทำตามความฝัน

วันที่ผมเขียนใบลาออก และผมได้กลับบ้านนั้นคือความฝันผมเป็นจริงแล้วผมทำสำเร็จแล้ว ต่อจากนี้ไปคือกำไรชีวิตของผม แต่พอออกมาก็ไม่ได้สมความปรารถนา ถูกไล่ออกจากบ้านตนเอง อยู่ได้แค่อาทิตย์เดียว จึงต้องออกมากางเต็นท์นอนอยู่กลางทุ่งคนเดียวกับหมา 1 ตัว กลางแดดกลางฝน แล้วค่อยๆสร้างกระท่อม อยู่ คนเดียว โดยไม่คิดที่จะถอยการไล่ออกมาจากบ้านตัวเองเป็นกำลังใจสูงสุดที่จะทำให้ผมต้องสู้ต้องพิสูจน์ตนเองให้เขาได้เห็น กับคำที่ดูถูกว่า หากินกับดินไม่เจริญไม่รวย การที่ผมเป็นคนจังหวัดอื่นไม่รู้จักคนในจังหวัดกำแพงเพชรเลย ทำให้มืดแปดด้านผมเอาคำของในหลวงมาใช้อีกรอบนึงคำว่า ยิ่งให้ไปยิ่งได้มา ขาดทุนคือกำไร ผมเริ่มนำผลผลิตจากสวนไปแจกให้กับชาวบ้าน 3 หมู่บ้าน จึงได้คนและรู้จักคนมากมาย ทั้งมูลสัตว์ทั้งปุ๋ยหมักทั้งฟางทั้งรถไถนา ชาวบ้านเอามาให้ใช้ฟรีๆ โดยไม่คิดอะไร ผม จึงต้องมีรายได้ แต่โครงการคนกล้าคืนถิ่นสอนให้ผมรู้จักว่า ให้มองในสิ่งที่ตนเองมี เริ่มจากสิ่งที่ตนเองมี ผมเลยเก็บเมล็ดพันธุ์ไม้ป่า มาใส่ถุงเพาะชำกล้าไม้ในเวลาช่วงบ่ายๆแดดแรงๆ ทำไปทำมาก็ได้เยอะ นี่คือรายได้ก็รักแรก ที่ทำให้ผมลืมตาอ้าปากได้ ผมยังเลี้ยงกบเลี้ยงปลา ขายอีก เป็นอะไรได้อีกอย่าง 

ระยะเวลาผ่านไป 3 ปี ทำให้ผมมีเครือข่ายกว่า 1, 200 คนในจังหวัดกำแพงเพชร คนใกล้ตัวและชาวบ้าน เริ่มทำตาม จากที่เคยไล่ออกจากบ้าน จากคนที่เคยว่าไอ้บ้า เริ่มทำตาม ทำให้รู้สึกว่าเริ่มมีความสุขกับมัน เพราะผมเอาคำของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาดำรงชีวิต ทำอะไรให้เป็นขั้นเป็นตอน เริ่มจากสิ่งที่มี ไม่ข้ามขั้น คือ ทำให้ตัวเองมีกินมีใช้มีอยู่มีความร่มเย็นเตะเป็นขั้นพื้นฐาน ส่วนขั้นก้าวหน้านั้นก็คือทำบุญทำทาน แจกจ่าย แปรรูปเก็บรักษา แล้วค่อยเอาไปขาย และสุดท้าย เมื่อเรามีกินคนเดียวแล้วเราไม่สามารถอยู่ได้ จะเกิดการแย่งชิงการแย่งกันเกิดขึ้นเราจึงสร้างเครือข่ายพาคนอื่นทำด้วย สุดท้ายก็มีเครือข่ายที่เข้มแข็ง และมีความสุข